น้ำหนักผนังอิฐมวลเบา (พร้อมงานก่อฉาบ 2 ด้าน) ควรรู้เท่าไหร่กันแน่?
- Rattee Akkarapreechalak

- 3 วันที่ผ่านมา
- ยาว 2 นาที
เวลาพูดถึง “ผนังก่ออิฐมวลเบา” ส่วนใหญ่คนจะโฟกัสเรื่องกันร้อน กันเสียง ราคาค่าของ–ค่าแรงแต่มีเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากกับ “โครงสร้างอาคาร” โดยตรง คือ
น้ำหนักของผนัง ต่อ 1 ตารางเมตร
เพราะตัวเลขนี้จะไปกระทบกับ
ขนาดคาน–พื้น
ขนาดฐานราก–เสา
งานรีโนเวทบนพื้นเดิม ว่ารับน้ำหนักไหวไหม
บทความนี้จะเล่าให้ครบว่า
น้ำหนักผนังอิฐมวลเบาคิดจากอะไรบ้าง
ค่าประมาณน้ำหนักต่อ 1 ตร.ม. สำหรับความหนา 7.5 / 10 / 12.5 / 15 ซม.
จะเอาตัวเลขนี้ไปใช้ประโยชน์ในงานออกแบบ–หน้างานยังไงได้บ้าง
1. น้ำหนักผนังอิฐมวลเบา “ประกอบจากอะไรบ้าง”
เวลาพูดคำว่า “น้ำหนักผนัง” เราไม่ได้หมายถึงแค่อิฐเฉย ๆแต่โดยปกติจะรวม 3 ส่วนนี้เข้าไปด้วย
ตัวอิฐมวลเบาเอง
เป็นคอนกรีตมวลเบา มีฟองอากาศ
ความหนา 7.5 / 10 / 12.5 / 15 ซม. แล้วแต่แบบ
น้ำหนักต่อปริมาตร (ความหนาแน่น) โดยทั่วไปประมาณ 500–700 kg/m³(แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่น)
ปูนก่อระหว่างแนวอิฐ
ปูนก่อชั้นบาง หรือปูนก่อทั่วไป
ปริมาณไม่มาก แต่ก็มีน้ำหนักพอสมควร
ปูนฉาบ 2 ด้าน
ด้านละประมาณ 1–1.5 ซม.
ปูนฉาบมีน้ำหนักต่อปริมาตรประมาณ 1,800–2,000 kg/m³
เพราะฉะนั้นเวลาพูดว่า “น้ำหนักผนังอิฐมวลเบา พร้อมงานก่อฉาบ 2 ด้าน”จริง ๆ แล้วคือ น้ำหนักรวมของ
อิฐ + ปูนก่อ + ปูนฉาบ 2 ด้าน
2. วิธีคิดน้ำหนักผนัง (หลักการง่าย ๆ)
หลักการคิดคือ
น้ำหนัก = ปริมาตร × ความหนาแน่น (kg/m³)
สำหรับผนัง 1 ตารางเมตร เราแยกคิดง่าย ๆ ได้แบบนี้
น้ำหนักอิฐมวลเบา
ปริมาตร = ความหนาผนัง (เมตร) × 1 ตร.ม.
เช่น ผนังหนา 7.5 ซม. → หน่วยเมตร = 0.075 m
ถ้าใช้ค่าความหนาแน่นเฉลี่ย 600 kg/m³→ น้ำหนักอิฐ ≈ 0.075 × 600 = 45 kg/m²
น้ำหนักปูนฉาบ 2 ด้าน
สมมติฉาบด้านละ 1.5 ซม. = 0.015 m
2 ด้าน = 0.03 m
ใช้ค่าความหนาแน่นประมาณ 1,900 kg/m³→ น้ำหนักปูนฉาบ ≈ 0.03 × 1,900 = 57 kg/m²
ปูนก่อ + ส่วนเผื่ออื่น ๆ
โดยทั่วไปมักเผื่อประมาณ 5–10% ของน้ำหนักรวม
จะคิดรวมไปกับตัวเลขประมาณการก็ได้
เลยเป็นเหตุผลว่า ทำไมตัวเลข “น้ำหนักผนัง 1 ตร.ม.” ถึงไม่ใช่แค่ของอิฐอย่างเดียว
3. ตารางน้ำหนักผนังอิฐมวลเบา (รวมก่อฉาบ 2 ด้าน) — ค่าประมาณ
⚠️ หมายเหตุสำคัญ ตัวเลขด้านล่างเป็น ค่าประมาณ สำหรับใช้ในงานเบื้องต้น ควรอ้างอิงสเปกจาก ผู้ผลิตอิฐมวลเบาแต่ละยี่ห้อ ในการออกแบบจริงทางวิศวกรรม
ตารางด้านล่างนี้สมมติว่า
ฉาบ 2 ด้าน ด้านละ ~1.5 ซม.
ใช้ค่าความหนาแน่นเฉลี่ยอิฐ ~600 kg/m³
เผื่อน้ำหนักปูนก่อ + ความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยแล้ว
ความหนาผนังอิฐมวลเบา | น้ำหนักโดยประมาณต่อ 1 ตร.ม. (กก./ตร.ม.)* |
7.5 ซม. | ~105–110 กก./ตร.ม. |
10 ซม. | ~120–125 กก./ตร.ม. |
12.5 ซม. | ~135–140 กก./ตร.ม. |
15 ซม. | ~150–155 กก./ตร.ม. |
*รวมอิฐ + ปูนก่อ + ปูนฉาบ 2
ด้าน (ค่าประมาณ)
ถ้าเทียบกับผนังก่ออิฐมอญ/อิฐมวลหนักในความหนาใกล้เคียงกัน
น้ำหนักผนังอิฐมวลเบา จะเบากว่าพอสมควรซึ่งส่งผลดีต่อขนาดโครงสร้างและฐานรากในภาพรวมของอาคาร
4. เอาน้ำหนักผนังไปใช้ทำอะไรได้บ้าง?
4.1 ใช้ประเมินน้ำหนักบรรทุกบนพื้น (สำหรับงานรีโนเวท)
สมมติคุณจะก่อผนังใหม่บนพื้นชั้น 2–3 ของอาคารเดิมวิศวกรจะต้องรู้ว่า
“ผนังนี้ 1 เมตรยาว หนักประมาณกี่กิโล?”
เช่น
ผนังอิฐมวลเบาหน้า 7.5 ซม.
สูง 2.80 ม. ยาว 3.00 ม.
น้ำหนักคร่าว ๆ คือ
น้ำหนัก ≈ (น้ำหนักต่อ ตร.ม.) × (พื้นที่ผนัง)= 110 kg/m² × (2.8 × 3.0)= 110 × 8.4 ≈ 924 กก.
ตัวเลขนี้ช่วยให้
วิศวกรตรวจสอบได้ว่า พื้น–คานเดิมรับได้ไหม
เจ้าของบ้านรู้ว่า การก่อผนังเพิ่มไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ในแง่น้ำหนัก
4.2 ใช้ในงานออกแบบโครงสร้างอาคารใหม่
สำหรับงานอาคารใหม่ ผู้ออกแบบจะใช้
น้ำหนักผนัง (dead load)
ร่วมกับน้ำหนักอื่น ๆ เช่น น้ำหนักพื้น–หลังคา–ฝ้า–ของใช้อาคาร
เพื่อตัดสินใจว่า
ขนาดคาน/พื้นต้องเท่าไหร่
เสา–ฐานรากควรใหญ่แค่ไหน
จะเลือกใช้ผนังอิฐมวลเบาหรือผนังชนิดอื่นดี เพื่อให้โครงสร้างคุ้มสุด
ผนังที่เบาลง →
ลดน้ำหนักถาวรของอาคาร →ทำให้โครงสร้างเล็กลงได้ในบางกรณี →ประหยัดโครงสร้างในภาพรวม
4.3 ใช้เปรียบเทียบทางเลือกวัสดุผนัง
ถ้าเจ้าของบ้านลังเลระหว่าง
ผนังอิฐมวลเบา กับ
ผนังอิฐมอญ / อิฐมวลหนัก / ผนังเบาโครงคร่าวโลหะ + แผ่นยิปซัม
การรู้ “น้ำหนักต่อ ตร.ม.” จะช่วยคุยกันง่ายขึ้นว่า
ถ้าใส่ผนังชนิดนี้ลงไปทั้งหลัง
โครงสร้างจะหนักขึ้นประมาณกี่ตัน
ฐานราก–คานต้องใหญ่ขึ้นไหม
ความคุ้มค่าเรื่องโครงสร้าง + กันร้อน + กันเสียง เป็นอย่างไร
5. สรุป: ไม่ใช่แค่ “อิฐเบา” แต่ต้องเข้าใจ “น้ำหนักผนังทั้งระบบ”
เวลาพูดคำว่า “อิฐมวลเบา” หลายคนจะนึกว่า
เบา = เบาแน่นอน = ไม่ต้องสนใจน้ำหนักมาก
แต่ในมุมของโครงสร้าง เราต้องมองทั้งระบบคืออิฐ + ปูนก่อ + ปูนฉาบ 2 ด้านแล้วแปลงออกมาเป็นน้ำหนักผนังต่อ 1 ตร.ม. ให้ชัดเจน
สรุปสั้น ๆ อีกครั้ง:
ผนังอิฐมวลเบา หนา 7.5–10 ซม. พร้อมฉาบ 2 ด้าน→ น้ำหนักโดยประมาณประมาณ ร้อยกว่ากิโลกรัมต่อ 1 ตร.ม.
ผนังหนาขึ้น เช่น 12.5–15 ซม.→ น้ำหนักจะขยับขึ้นไปแถว ๆ 130–150 กก./ตร.ม.
ตัวเลขพวกนี้
ใช้เป็น ฐานคิดเบื้องต้น สำหรับเจ้าของบ้าน–ผู้รับเหมา
ส่วนการออกแบบโครงสร้างจริง ยังไงก็ควรให้ วิศวกรโครงสร้าง เป็นคนฟันธงจากสเปกผู้ผลิตและมาตรฐานที่อ้างอิง






ความคิดเห็น